วันที่ 9 ส.ค. นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยในงานสัมมนาวิชาการ ประจำปี 2566 ธปท.ภาคเหนือ หัวข้อ ยกระดับเศรษฐกิจเหนือ คว้าโอกาสบนโลกแห่งความท้าทาย ว่า แนวโน้มเศรษฐกิจไทยคาดว่าจะฟื้นตัวได้ต่อเนื่อง โดยมีแรงขับเคลื่อนหลักจากการบริโภคภาคเอกชน และภาคการท่องเที่ยวที่ช่วยพยุงเศรษฐกิจ แต่ภาคการส่งออกที่ออกมาต่ำกว่าที่คาด หลังได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจจีนเป็นสำคัญ ส่งผลให้ ธปท. เตรียมที่จะปรับประมาณการอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) ปีนี้ลงเล็กน้อย จากปัจจุบันคาดว่าจะขยายตัวได้ 3.6%
ทั้งนี้ ต้องติดตามสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ที่จะประกาศตัวเลขเศรษฐกิจไตรมาส 2 ในวันที่ 21 ส.ค. นี้ ซึ่งคาดว่าน่าจะออกมาต่ำเล็กน้อย แต่อยากจะย้ำกว่า การฟื้นตัวจะยังไปได้ แม้มีบางช่วงตัวเลขต่ำกว่า แต่ภาพรวมของการฟื้นตัว จะถูกขับเคลื่อนจากการบริโภคเอกชน และการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว เพราะทั้ง 2 ตัวนี้ ไม่ได้มีอะไรที่เปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ โดยปีนี้น่าจะเห็นตัวเลขการบริโภคภาคเอกชนที่โตเกิน 4% ด้านการท่องเที่ยวน่าจะเห็นนักท่องเที่ยว 29 ล้านคน เทียบกับปีที่แล้ว 11 ล้านคน จะช่วยพยุงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ
“การฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย ยังฟื้นตัวต่อได้เนื่อง แม้ตัวเลขเศรษฐกิจบางตัวต่ำกว่าคาดบางช่วง แต่ภาพรวมทั้งการฟื้นตัว และเงินเฟ้อจะกลับเข้าสู่กรอบเป้าหมาย ยังไม่ได้เปลี่ยนไป โดยรายงานล่าสุด ธปท. ได้ประเมินจีดีพีล่าสุดที่ 3.6% และจากตัวเลขเศรษฐกิจโลกและส่งออกที่ชะลอตัวลง คาดว่าจะมีการปรับจีดีพีลงตาม แต่ในภาพรวมน่าจะเติบโตได้ 3% กลางๆ บวกลบ”
ด้านการดำเนินนโยบายการเงิน ที่ผ่านมา คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ได้ทยอยปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป เป็นการดำเนินการที่เหมาะสมและเป็นไปตามบริบทของไทย ขณะที่ปัจจุบัน เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง ขณะที่เงินเฟ้อในระยะยาว จะเข้าสู่กรอบเป้าหมาย โดยบริบทของไทย ไม่ได้เหมือนกับปีที่แล้ว ดังนั้นการดำเนินนโยบายการเงิน จะต้องพิจารณาทั้งปัจจัยระยะสั้น ทั้งเรื่องเศรษฐกิจ และเงินเฟ้อ และภาพในระยะยาว
“บริบทเปลี่ยน จากเทคออฟ เป็นแลนดิ้ง และการประชุม กนง. ล่าสุดในถ้อยแถลงก็มีการเปลี่ยนคำ จากขึ้นแบบค่อยเป็นค่อยไป โดยถอดออกไม่ได้อยู่ในสเตตเมนต์ ตอนนี้มันอยู่ในจุดใกล้ที่จะเปลี่ยน และการเปลี่ยนคือ โดยครั้งหน้ามีโอกาสจะคงหรือจะขึ้น แต่ที่จะยังไม่ทำ คือ การลง”คำพูดจาก สล็อตเว็บตรง
นายเศรษฐพุฒิ กล่าวถึงความไม่แน่นอนทางการเมือง จะส่งผลระยะยาวต่อเสถียรภาพการเงิน และทำให้เศรษฐกิจไทยยิ่งทรุดหรือไม่นั้น มองว่า ไม่ แม้งบประมาณ 67 จะล่าช้าไป 2 ไตรมาสแต่ห่วงไม่เยอะ เพราะงบประจำเบิกจ่ายได้ ที่ล่าช้า คือ งบลงทุน และงบลงทุนวงเงินไม่ได้เยอะ จึงไม่ได้เป็นตัวเลขที่ทำให้ภาพรวมเศรษฐกิจเปลี่ยนไปอย่างมีนัยมากมาย แต่ความเสี่ยง คือ นอกจากหน้าตารัฐบาลแล้ว จะเป็นความเสี่ยงเรื่องนโยบาย หากนโยบายอยู่ในกรอบไม่ได้มาก แต่หากมากเกินไป จนกระทบเสถียรภาพ ก็น่าเป็นห่วง